ในสถานการณ์ การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดในประเทศไทย ทำให้หลายๆ บริษัทต้องให้พนักงานเริ่มทำงานที่บ้านหรือที่เราเรียกว่า Work from Home เพื่อเป็นการลดปริมาณคนในที่ทำงาน และเป็นการเพิ่มระยะห่างเพื่อป้องกันการติดต่อโรคระบาดในสถานการณ์เช่นนี้
การทำงานที่บ้านไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ในทำงานเลย เนื่องจากเทคโนโลยีการสื่อสารปัจจุบัน ได้มีอาชีพ Freelance ที่รับจ้างทำงานเป็นรายชิ้น และส่งงานให้ผ่าน E-mail หรือช่องทางต่างๆ ตามที่ตกลงกัน โดยปัจจุบันที่บริษัทฯ ก็ได้มีการว่าจ้างพนักงานรูปแบบนี้อยุ่เช่นกัน
การทำงานที่บ้าน WFH เป็นสิ่งที่ผมคิดมาซักพักนึงแล้วก่อนที่จะมี ไวรัสโคโรน่า ด้วยซ้ำ เพราะสภาพการจราจรในกรุงเทพ ที่น่าเบื่อทุกวันนี้ ทำให้เราต้องเสียเวลาเดินทางไปกลับ วันละประมาณ 1-2 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ท้้งสภาพมลภาวะระหว่างทาง และสิ่งรบกวนต่างๆ ทำให้กว่าจะมาถึงที่ทำงานเราก็ใช้พลังในการเดินทางไปมากแล้ว จึงทำให้ Productivity ที่ได้จากการทำงานลดลงด้วย จึงเห็นว่าบริษัทฯ ควรเริ่มมีการ WFH ที่บ้านได้สัปดาห์ละ 1 วัน เพื่อลดเวลาการเดินทาง ลดมลพิษในการสัญจร และเพิ่ม Productivity ให้กับพนักงานด้วย เนื่องจากไม่ต้องแข่งกับเวลาและการเดินทางที่รีบเร่งในเมืองหลวงด้วย
เมื่อมีวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสเข้ามา ทำให้บริษัทฯ จำเป็นต้องประกาศให้พนักงานทำงานที่บ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมจึงได้เริ่มทำงานที่บ้าน และหลังจากที่ได้ทำงานมาสองสัปดาห์ วันนี้ผมจะมารีวิวการ WFH ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งข้อดี-ข้อเสียของการทำงานที่้บ้าน
ต้องบอกก่อนว่า Background ของผมเป็นบริษัท IT ซึงจะทำงานผ่าน laptop เป็นส่วนใหญ่ โดยขอเพียงแค่มี Laptop และมี Internet เชื่อมต่อก็สามารถทำงานที่ไหนก็ได้บนโลกนี้ แต่สิ่งที่สำคัญสำหรับการทำงานอีกอย่างหนึ่งก็คือ การสื่อสารกันในทีมงาน จึงต้องใช้ Application ช่วยในการสื่อสารเช่นกัน โดยบริษัทจะมีการนัดประชุมเพื่อสรุปงานกับผู้บริหารสัปดาห์ละ 1 วันที่ต้องเข้าออฟฟิศ ส่วนวันอื่นๆ จะเป็นการแบ่งงานกันทำโดย Project Manager จะเป็นผุ้ควบคุมงานกับคนในทีมและมีการรายงานผลการทำงานรายวันผ่าน Application
หลังจากทำงานที่บ้านมาสองสัปดาห์ สิ่งแรกและสิ่งเดียวที่จำเป็นที่สุดคือ “วินัย” ในการทำงาน
ถ้าหากเราได้สิทธิพิเศษในการทำงานที่บ้านแล้ว เราต้องคำนึงว่า เราทำงานที่บ้านอย่างไรให้ได้งานให้มากกว่าการเดินทางไปออฟฟิศ เพราะว่าเราไม่จำเป็นต้อง เดินทาง ฝ่ารถติด มีเวลาในการทำงานเพิ่มขึั้น 1-2 ชั่วโมงต่อวัน เราจะทำยังไงให้มีชิ้นงานออกมามากทีสุด
ซึ่งจากที่บอกไปแล้ว ข้อดีของการทำงานที่บ้าน มีทั้งประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย ลดความตึงเครียดจากการเดินทาง แต่ต้องแลกมาด้วยวินัยในการทำงานที่มากขึ้น
แต่เนื่องจากมีข้อดีแล้ว ผลที่ตามมาด้านลบนั้น อย่างแรกเลยคือปฏิสัมพันธ์ของคนในทีมที่ลดลง เนื่องจากเป็นการแยกย้ายกันทำงานที่บ้านของตัวเอง การพูดคุยกันแบบเห็นหน้าที่ลดลง ทำให้ปฏิสัมพันธ์ก็น้อยลงด้วย และ ถ้าหากคุณเป็นคนต่างจังหวัดที่เดินทางเข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ ที่ต้องอยู่หอพักหรือคอนโดคนเดียว แรกๆก็ ยังดี แต่ถ้าหากนานๆเข้าอาจจะมีภาวะเหงาหรือซึมเศร้าเข้ามาได้ เนื่องจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ ที่เจอ หรือว่าถ้าหากอยู่บ้านกับครอบครัว สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะในการทำงานและการรบกวนจากปัจจัยอื่นๆ อาจเข้ามามีผลในการทำงาน จึงส่งผลต่อการทำงานได้
การทำงานที่บ้านนั้นนอกจากต้องมีวินัยในการทำงานแล้ว “การแบ่งเวลา” ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกัน เนื่องจากบางคน เมื่อเริ่มทำงานแล้วก็ไม่สามารถแบ่งเวลาได้ อย่างเช่น บางคนอาจจะไม่ได้แบ่งเวลาในการทำงานและการพักผ่อน หรือไม่รู้ว่าเวลาทำงานและเวลาพักผ่อนควรแยกกัน เช่นเปิดหนังดูในเวลาทำงาน เริ่มงานช้ากว่าเวลาทำงาน หรือเลิกงานเร็วกว่าเวลาทำงาน ตื่นสายเหมือนเป็นวันหยุด หรือบางคน ก็ทำงานจนลืมเวลา 2-3 ทุ่มก็ยังทำงานอยู่จนลืมเวลาส่วนตัวและครอบครัว ซึ่งจำเป็นต้องสร้าง Work-Life-Balance ในการทำงานเช่นกัน
Work-Life-Balance เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการทำงานที่บ้าน เพราะว่าเราจะแยกไม่ออกเลยระหว่างชีวิตการทำงาน และชีวิตส่วนตัว เพราะว่าคุณจำเป็นต้องบริหารทั้งสองสิ่งนี้พร้อมกันในสถานที่เดียวกัน ทั้งชีวิตครอบครัว ชีวิตส่วนตัว ชีวิตทำงาน ทุกๆ อย่างจะปะปนกัน คุณต้องเริ่มจากการสร้างวินัยที่ดี กำหนดเวลานอน และเวลาตื่นให้เหมือนกับที่คุณต้องออกไปทำงาน กำหนดเวลาเริ่มงาน ซึ่งบางบริษัทฯ ได้นำ Application เข้ามาใช้ช่วยในการติดตามเวลาทำงาน โดยให้พนักงาน Check-In เริ่มทำงาน และ Check Out หลังการทำงาน จะช่วยให้บริษัททราบได้ว่า พนักงานเริ่มงานที่ไหน ตอนกี่โมง และเลิกงานตอนกี่โมง และมีการรายงานผลการทำงานประจำวัน จะช่วยให้พนักงานสามารถจัดการชีวิตของตัวเองได้ด้วยเช่นกัน และให้พนักงานเลิกงานตรงเวลาและ Check-out ออก ซึ่งก็คือเลิกงานแล้ว และก็ได้ใ้ช้เวลาส่วนตัวไปด้วย
จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงส่วนนึงของมุมมองในการทำงานที่บ้านในช่วงวิกฤตที่มีไวรัสระบาดอยุ่ ซึ่งหลังจากผ่านช่วงวิกฤตไปแล้ว หลายๆ บริษัทฯ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานไปด้วย เนื่องจากเห็นข้อดีและข้อจำกัดในการทำงานที่บ้านแล้ว จึงอาจจะมีการปรับรูปแบบการทำงานเพื่อเข้ากับการทำงานของบริษัทฯ มากที่สุด
application สำหรับพนักงานบันทึกเวลาเข้าออก ระบบลาออนไลน์ และบันทึกการทำงานในแต่ละวัน